สวัสดีครับทุกๆท่าน วันนี้ MUSIC.me BLOG จะพาทุกๆท่านไปรู้จักกับแบรนด์เครื่องดนตรีที่มีความน่าสนใจ ทั้งในตัวผลิตภัณฑ์ วิสัยทัศน์ของแบรนด์ และประวัติความเป็นมาของ LAVA MUSIC เจ้าของรางวัลการออกแบบระดับนานาชาติกว่า 7 รางวัล และสิทธิบัตรมากกว่า 100 รายการ ที่ได้ความรู้และความเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวของ LAVA MUSIC ผลิตภัณฑ์ของประเทศจีน ที่จะลบความสบประมาทเกี่ยวกับคำว่า "Made in China" ไปเลย !!
เรื่องราวการก่อตั้ง
LAVA MUSIC ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 โดยคุณ Louis Lu Kayeung So และ Shin Tang โดยในตอนแรก LAVA ขายผลิตภัณฑ์เครื่องดนตรีจากผู้ผลิตและแบรนด์อื่นๆ ต่อมา Louis ตระหนักว่าผู้ผลิตได้หยุดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และความสำเร็จของพวกเขาขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในช่วง 50-60 ปีที่ผ่านมา คุณหลุยส์เชื่อว่า "ดนตรีคือการสร้างสรรค์อนาคต" ดังนั้นเขาจึงต้องการผลักดันนวัตกรรมไปข้างหน้าในอุตสาหกรรมดนตรีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา LAVA ก็เริ่มออกแบบผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ได้ทำการผลักดันการแสดงออกทางด้านดนตรีมาโดยตลอด
ในปี 2015 LAVA ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์แรก LAVA GUITAR คุณหลุยส์เริ่มโปรเจ็กต์การสร้างกีตาร์ร่วมกับทีม ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็น LAVA ME รุ่นดั้งเดิม ( เปิดตัวในปี 2017 ) มาถึงตอนนี้ ความฝันของคุณหลุยส์คือการสร้างเครื่องดนตรีที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุด เขาต้องการสร้างบางสิ่งที่สามารถปรับใช้เข้ากับชีวิตสมัยใหม่ของผู้คนได้ ในตอนแรกทีมงานสร้างกีตาร์ตัวเดียวจากบล็อกไม้คอมโพสิต และพบว่าพวกเขาต้องเปลี่ยนทิศทางการวิจัยและพัฒนาเป็นวัสดุประเภทอื่น พวกเขาเริ่มทำงานกับหนึ่งในผู้ผลิตวัสดุรายใหญ่ที่สุดอย่างเทคโนโลยี KingFa เพื่อพัฒนาวัสดุคอมโพสิตคาร์บอนไฟเบอร์ชนิดใหม่ที่มีน้ำหนักเบา ทนทาน และให้ประสิทธิภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม วัสดุนี้มีชื่อว่า "AirSonic"
เปิดตัว LAVA ME
ในวันที่ 13 ตุลาคม 2017 หลุยส์เปิดตัว LAVA ME รุ่น original ที่งานแสดงสินค้าดนตรีนานาชาติที่เซี่ยงไฮ้ นับเป็นกีตาร์ฉีดขึ้นรูปชิ้นเดียวตัวแรกของโลก ! จุดมุ่งหมายคือการสร้างกีตาร์ที่เบา ใช้งานง่าย และเข้ากับชีวิตสมัยใหม่ของผู้คน LAVA ME นำเสนอเทคโนโลยีมากมาย ตั้งแต่วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ กระบวนการฉีดขึ้นรูปแบบชิ้นเดียว โครงสร้างเสียงและกลไกอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และอื่นๆ อีกมากมาย
ในปี 2018 LAVA ME 2 ได้เปิดตัวออกมา และกลายเป็นกลายเป็นกีตาร์คาร์บอนไฟเบอร์ที่ขายดีที่สุดในโลกในปี 2018 เพราะได้ทำการอัพเกรดหลายๆส่วนให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น อาทิเช่น เทคโนโลยี AirSonic ที่อยู่ในโมเดลก่อน ได้ทำการอัพเกรดเป็น Super AirSonic ในรุ่นนี้โดยในขนาดน้ำหนักเดียวกัน Super AirSonic จะแข็งแแรงขึ้นจากรุ่นก่อน 20% และหลังจากนั้นทาง LAVA MUSIC ได้เริ่มโครงการใหม่โดยมีแนวคิดในการเปลี่ยนปุ่มควบคุมแบบเดิมของกีต้าร์โปร่ง-ไฟฟ้า ด้วยจอแสดงผลแบบมัลติทัชและระบบปฏิบัติการที่สามารถมอบคุณสมบัติและประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับกีตาร์โปร่งได้
หลังจากพัฒนามาเป็นเวลา 3 ปี LAVA ME 3 ก็ได้เปิดตัวออกมาในวันที่ 18 สิงหาคม 2021 โดยเป็นกีต้าร์ตัวแรกที่มีระบบปฏิบัติการและจอแสดงผลมัลติทัช ที่สำคัญกว่านั้น LAVA ME 3 เป็นโมเดลแรกที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้
ในเดือนมิถุนายน 2022 มีผู้เปิดใช้งานกีตาร์มากกว่า 20,000 คน ผู้คนในกว่า 75 ประเทศใช้เวลามากกว่า 1,000,000 นาทีต่อเดือนกับกีตาร์ LAVA ME 3 นอกจากนี้ยังมีผลงานมากกว่า 10,000 ชิ้นที่โพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียล LAVA+ ภายใน 10 เดือนแรก
และในเดือนพฤษภาคมปี 2022 LAVA MUSIC ก็ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ BLUE LAVA ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดในตระกูลกีตาร์อัจฉริยะ ซึ่งสเปกตามรอยรุ่นพี่อย่าง LAVA ME 3 แต่มาในราคาที่ประหยัดมากขึ้นกว่าเดิม โดยทาง LAVA ได้มีการพัฒนา Accessories ที่ใช้งานร่วมกับกีต้าร์ไปด้วย อาทิเช่น BLUE LAVA AirFlow Wireless Charger
และในปี 2023 LAVA MUSIC ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ออกมา 3 รุ่นด้วยกัน โดยมี LAVA ME 4 Carbon , LAVA ME 4 Spruce , LAVA ME 4 Play ออกมาช่วงเดียวกัน โดยมีรุ่นชูโรงอย่าง LAVA ME 4 Carbon และ LAVA ME 4 Spruce ที่มีฟังชั่นและอุปกรณ์เสริมที่ทันสมัยออกมาตอบโจทย์ความเป็นกีต้าร์อัจฉริยะแบบสุดๆไปเลย
โดยในปีนี้ทาง LAVA MUSIC ได้จัดเต็มทั้งฟีเจอร์และอุปกรณ์เสริมมาให้อย่างอัดแน่น อัพเกรดชิฟมาเป็น SHARC audio chip และ FreeBoost 3.0 ที่ให้ความรวดเร็วมากกว่ารุ่นก่อนถึง 7 เท่า!! พร้อมหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 3.5 นิ้ว สำหรับใช้งานฟีลเจอร์ของ Hilava เวอร์ชั่น 2.0 ที่อัพเกรดมาให้เพิ่มเติม เอฟเฟคที่มีมาให้ถึงกว่า 30 แบบ ฟังชั่น Looper การอัดเสียงและ ฟังชั่นที่ช่วยในการเรียนรู้ เรียกได้ว่าครบครันมากๆไปเลยครับ
และซีรีย์ LAVA ME 4 Carbon และ LAVA ME 4 Spruce ยังมี LiveDrums Pedal + ( เอฟเฟกต์เหยียบ ) เพื่ออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนเสียงเอฟเฟคและควบคุมฟังชั่นต่างๆได้มากยิ่งขึ้น โดยมีการเชื่อมต่อแบบไร้สาย และยังมีลูปกลองกับ Backing track มาให้ใช้กันอย่างจุใจกว่า 200 รายการ
เป็นไงกันบ้างครับกับ LAVA MUSIC แบรนด์ที่ไม่เคยหยุดการพัฒนาและยังเป็นผู้นำทางด้านกีต้าร์อัจฉริยะที่น่าจับตามองมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆของวงการนี้ โดยในซีรีย์ถัดๆไปของ LAVA จะมีสิ่งใหม่ๆที่พัฒนาขึ้นมาให้เราได้สัมผัสกันในรูปแบบไหน ก็ต้องติดตามรับชมรับฟังข้อมูลข่าวสารกันต่อไปนะครับ
Comments